top of page

OUR HISTORY

ประวัติโรงเรียนสันติดรุณ

โรงเรียนสันติดรุณจัดตั้งขึ้นอย่างไม่เป็นทางการเมื่อประมาณปี  พ.ศ. 2532   โดยคณะบุคคลที่ร่วมกันบริจาคที่ดินและเงินทุน โดยไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งหวังผลกำไร (non-profit organization) ซึ่งสนใจปัญหาทางการศึกษา  ปัญหาครอบครัว  ปัญหาสังคม  ต้องการปลูกฝังขัดเกลาเด็กและเยาวชนที่เป็นมุสลิมให้เป็นผู้ที่มีความศรัทธาต่อหลักการของศาสนาและยึดมั่นในการปฏิบัติศาสนกิจตาบทบัญญัติของศาสนาได้อย่างถูกต้อง  โดยพิจารณาว่าเด็กต้องได้รับการศึกษา คือการเพิ่มพูนความรู้หลักวิชาการดำเนินชีวิตที่ควบคู่กับอุดมธรรมแห่งศาสนา  มีการเจริญเติบโตที่มีดุลยภาพทั้งทางร่างกาย  จิตใจ  อารมณ์  สังคม  และสติปัญญา 

 

ทั้งนี้ ในชั้นต้นเปิดเป็นศูนย์พัฒนาเด็กอ่อนก่อนวัยเรียน “บ้านสวนพลู” ที่ชุมชนมัสยิดสวนพลู แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร  แล้วจึงพัฒนาเป็นลำดับ จนเมื่อเห็นร่วมกันว่าสามารถที่จะดำเนินการเป็นโรงเรียนเต็มรูปแบบได้ประกอบกับ เมื่อปี พ.ศ.  2536  นางสวาท ฉิมกุล และครอบครัวได้แสดงเจตนาบริจาคที่ดินจำนวน 4 ไร่เศษ และเงินสดจำนวนหนึ่ง นายสมนึก นะสานี บริจาคเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท  เพื่อก่อสร้างอาคารเรียน เมื่อปี  พ.ศ. 2537 แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2538  ทั้งนี้ผู้บริจาคขอให้ดำเนินการจดทะเบียนเป็นมูลนิธิเพื่อสนับสนุนโรงเรียน โรงเรียนสันติดรุณจัดตั้งขึ้นในนามของมูลนิธิ 

 

คณะผู้ก่อตั้งโรงเรียน  ได้ดำเนินการขอรับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียน  จากสำนักคณะกรรมการการศึกษาเอกชน  กระทรวงศึกษาธิการ  ชื่อ โรงเรียนสันดรุณ เพื่อเปิดทำการสอนชั้นอนุบาลศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เริ่มเปิดทำการสอนอย่างเป็นทางการ  เมื่อวันที่ 1  พฤษภาคม  พ.ศ. 2538  ด้วยการเปิดทีละชั้นเรียน  โดยมีนางวรนันท์  ปรียากร เป็นผู้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดการ

ในปี พ.ศ. 2540  ดำเนินการจดทะเบียนเป็นมูลนิธิเพื่อโรงเรียนสันติดรุณ  และรับโอนกิจการของโรงเรียนมาดำเนินการในรู)ของมูลนิธิ  มีนายปกรณ์  ปรียากร  ประธานมูลนิธิฯ เป็นผู้ลงนามแทนผู้รับใบอนุญาตในฐานะองค์กรนิติบุคคล ให้การสนับสนุนด้านการพัฒนาอาคารสถานที่  เงินทุน  และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ   

 

กระทรวงศึกษาธิการได้อนุมัติอย่างเป็นทางการให้โรงเรียนใช้หลักสูตรการเรียนการสอนเชิงบูรณาการ ระหว่างหลักสูตรก่อนประถมศึกษา  พ.ศ. 2540 และหลักสูตรประถมศึกษา  พ.ศ. 2521 ( ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2533)  กับหลักสูตรอิสลามศึกษา  รวมทั้งให้ใช้เครื่องแบบนักเรียนที่สอดคล้องกับหลักการแต่งกายตามบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม  คือ นักเรียนชายสวมกางเกงขายาว  และนักเรียนหญิงสามารถใช้ผ้าคลุมศีรษะได้  ซึ่งทั้งสองประการนี้ถือเป็นโรงเรียนเอกชนสามัญแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับการอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการ ปัจจุบันโรงเรียนใช้หลักสูตรสถานศึกษา  ระดับพื้นฐาน  พ.ศ. 2551  บูรณาการหลักสูตรอิสลามศึกษา  พ.ศ. 2546  และจัดประสบการณ์ระดับปฐมวัยโดยใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2546

 

โรงเรียนสันติดรุณ  เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลศึกษา และประถมศึกษา โดยได้ทำการเปิดสอนตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม  พ.ศ. 2538  มีนางวรนันท์  ปรียากร เป็นผู้รับใบอนุญาตและผู้จัดการ  นายกิจจา  ปรียากร เป็นครูใหญ่ 

ปีการศึกษา 2540 ได้โอนกิจการโรงเรียนเป็นของมูลนิธิเพื่อโรงเรียนสันติดรุณ โดยมีนายปกรณ์ ปรียากร เป็นผู้รับใบอนุญาต ลงนามแทนในฐานะประธานมูลนิธิเพื่อโรงเรียนสันติดรุณ

 

ปีการศึกษา 2543 บริเวณที่ดินของโรงเรียนได้ถูกเวรคืนเพื่อก่อสร้างทางวงแหวนรอบนอก (พระราม 2 - บางนา)  ดังนั้น จึงเหลือพื้นที่จำนวน 2 ไร่ 3 งาน 90 ตารางวา

ปีการศึกษา 2544 สร้างอาคารหลังที่ 4 (อาคารสันติภาพ) เป็นอาคาร  3  ชั้น มี   9 ห้องเรียน ได้รับการอนุญาตให้ขยายห้องเรียนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 17 ห้องเรียน ขยายความจุนักเรียนเป็นจำนวน 690 คน

 

ปีการศึกษา 2551 เปิดขยายชั้นเรียนระดับเตรียมอนุบาล 1 ห้องเรียน ได้สร้างโครงหลังคาเหล็กคลุมสนามเด็กเล่น เป็นพื้นที่ 600 ตารางเมตร โดยใช้งบประมาณ 1,020,000.00 บาท 

 

ปีการศึกษา 2553 เปิดขยายชั้นเรียนระดับมัธยมศึกษา

 

ปีการศึกษา  2554 สร้างอาคารหลังที่ 5 (อาคารสันติสุข)  เป็นอาคาร  4  ชั้น มี   12 ห้องเรียน   1    ห้องประชุม โดยใช้งบประมาณ 15,446,835.75  บาท ก่อสร้างรั้วโรงเรียน และจัดทำประตูทางเข้าใหม่ปรับถมพื้นที่ด้วยดินและทรายบริเวณด้านหน้าอาคารเรียน 4 ชั้น และจัดทำถนนภายในโรงเรียน จากประตูทางเข้าใหม่ ผ่านหน้าอาคารเรียน 4 ชั้น และออกไปประตู 4 (ด้านมัสยิดอิมามอาลี) ขยายบริเวณโรงเรียนออกไป บนที่ดินของนางวรนันท์  ปรียากร และนายมนตรี ฉิมกุล โฉนดเลขที่ 244642  เนื้อที่ดิน 2 ไร่ -  งาน  77 ตารางวา โดยเจ้าของที่ดินได้ให้คำยินยอมในการใช้ที่ดิน จึงทำให้โรงเรียนมีเนื้อที่ใช้สอยบนที่ดิน  3 แปลง เนื้อที่ดิน   5  ไร่    - งาน 62  ตารางวา 

 

ปีการศึกษา  2555    โรงเรียนได้รับอนุญาตให้ขยายห้องเรียนเป็น 26 ห้อง  และมีความจุนักเรียน 1090  คน

bottom of page